ช่วงชีวิตในวัน (25) Y

เราไม่รู้หรอกว่าคำว่า “เบญจเพจ” ในแบบที่เขาเรียกๆกันว่ามันคืออะไรนั้นมันเป็นยังไงกันแน่ เรามักจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากเรื่องความซวยความซังกะบวยในคนอายุ 25 ปี

Rittikiat Sutthikhun

1/1/2025

เราไม่รู้หรอกว่าคำว่า “เบญจเพจ” ในแบบที่เขาเรียกๆกันว่ามันคืออะไรนั้นมันเป็นยังไงกันแน่ เรามักจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากเรื่องความซวยความซังกะบวยในคนอายุ 25 ปี กันอยู่เสมอ บางคนบอกว่ามันสาหัสสากรรจ์ บางคนก็บอกว่ามันดีจนน่าเหลือเชื่อ หรือแม้กระทั่งบางคนก็รู้สึกว่ามันคือความว่างเปล่าไม่มีอะไรพิสดารหรือพิเศษเริ่ดเลออะไรกว่าใครเลย

ทั้งหมดทั้งมวลไม่ใช่อะไรหรอกเราก็แค่อยากมาเล่าถึง คนอายุ 25 ปี ทั่วไปๆคนนึง ประเด็นคือคนอื่นรีวิวไปเยอะแล้วไงเรื่องของปีที่ผ่านมา แล้ววันที่ 7 เนี่ยเราจะอายุครบ 26 ขวบโดยสมบูรณ์ มันกำลังจะปลัดเปลี่ยนทั้งปีที่ผ่าน ทั้งวัยที่เปลี่ยน (เพราะเกิดต้นปีอ่าเนอะฮ่าๆ)

ก่อนที่จะ “25Y”

ตอนนั้นจิตใจมันตุ้มๆต๋อมๆน่าดู เรื่องบางเรื่องมันก็แทบจะไม่ให้เราได้ตั้งหลักหรือวางแผนกับมันเลยด้วยซ้ำว่าเราจะจัดการมันยังไงดี เอาชีวิตยังไงให้รอด ฟิวแบบ ไม่มีคู่มือใดบอกว่าการรับมือในวัยเนี่ยมันต้องรับมือกันยังไงว่ะ แต่ก็ยังดีที่เราชอบเที่ยวไปถามคนอื่นๆว่า เออเนี่ย อายุ 25 มันเป็นยังไงบ้างเพื่อที่จะได้รับมือกับมันได้ บางคนบอกว่าซวยมาก ไม่รู้เรื่องอะไรต่อเรื่องอะไรประเดประดังเข้ามาไม่ขาดสาย บางคนบอกว่าดีมาก ถูกหวยรางวัลใหญ่ปีนั้นเป็นปีที่ดีมาก บางคนก็บอกว่าเฉยๆไม่มีอะไรพิเศษหรือน่าตื่นเต้นเลยแต่ก็ไม่ถึงเรียกว่าซวย แต่ก็แบบเอาล่ะ พอได้ข้อมูลประมาณนึงแล้วเราก็คิดว่าเราน่าจะจัดการได้ดี อันไหนแย่ก็ต้องรับมือ อันไหนดีก็ต้องกอบโกยไว้เป็นกำไรเผื่อวันนึงความซวยมันมีเข้ามาก็จะได้คิดได้แง่บวกว่า เอออย่างน้อยมันก็มีเรื่องดีดีเข้ามาทดแทนอยู่อย่าพึ่งท้อ (เหมือนกำลังหลอกตัวเองให้ตัวเองแบบไม่เห็นบ้าจนเกินไปละมั้งฮ่าๆ)

รถล้ม + นอนเยี่ยวราดที่นอน6ฟุตแล้วให้เพื่อนแบกลงมาจากให้จากชั้น2

เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนเดือนพฤจิกาเมื่อปีที่แล้วขับมอเตอร์ไซค์ไปหาอะไรกินแถวๆหลังม.ข.ฝั่งโนนม่วง ตอนนั้นอยากกินเครปมากไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากกินขนาดนั้น และตอนนั้นที่ซุกหัวนอนอยู่ฝั่งกังสดาลไงแล้วต้องขับมอเตอร์ไซค์หนาวๆมากินตั้ง 4-5 กิโลเพื่อที่จะมากินเครปให้ได้ ถ้ามองย้อนกลับไปมันก็น่าตลกดีที่ (ทำไมถึงต้อง……) ขนาดนั้นนึกออกมั้ยฮ่าๆ ในระหว่างที่ซื้อเสร็จอะไรเสร็จก็ขับรถกลับปกติเนี่ยแหล่ะตอนนั้นคือเราเป็นคนขับด้วย ขับไปจนถึง 3 แยก 7-11 กำแพง ม.ข. ความซวยก็เริ่มมาเยือนถึงที่แบบที่เราไม่ต้องไปแสวงว่ามัน มีมอเตอร์ไซค์ขับมาด้วยความเร็วสูงแล้วแซงรถกะบะตรงเส้นทึบ(เขตห้ามแซง) ปาดเข้ามาใส่หน้า ด้วยความตกใจข้าพเข้าเองก็กำเบรคกระทันหันจนรถสบัดล้อแล้วล้มลงในที่สุด ตอนนั้นห่วงอะไรที่สุดรู้มั้ยเราห่วงเสื้อวง view from the bus tour ว่าจะขาดมากๆพึ่งซื้อมาได้เดือนเดียวเอง จะมาขาดตอนนี้เนี่ยนะ ไม่เอาๆ รีบลุกขึ้นมองเสื้อผ้าว่าขาดหรือไม่ ปรากฏว่าเสื้อผ้าไม่ขาดเลยโล่งอก แต่ๆๆๆๆ เอวมีแผลแขนเขินไปหมด แต่ก็ยังดีที่ไม่เป็นอะไรมาก (เหรอว่ะ) คนที่ขับปาดหน้าเข้ามาดูอาการแล้วบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง ย้ำ “ทุกอย่าง” เราก็ขอเบอร์และขอบัตรประชาชนของเขาเพื่อป้องกันการหลบหนีของเขา จากนั้นก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปล้างแผลที่โรงบาลศรี ช้ามากกก สาดดด ตอนล้มมันไม่เท่าไหร่เพราะมันชาไง แต่พอไปถึงโรงบาลเท่านั้นแหล่ะรู้เรื่องงงง แสบแผลเหมือนเขามานาวมายอดใส่แผล เนื้อตัวสั่นไปหมด หลักจากนั้นได้ไม่นานเพื่อก็มาดูว่าเราเป็นอะไรมากมั้ย ตอนนั้นสิ่งที่คิดหนักเลยคือ แมว แมวที่อยู่ที่บ้านเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจ ต้องไปดูแมวก่อน เพื่อนก็หอบแมวจากอีกบ้านนึงมาอีกบ้านนึง คืนแรกผ่านไปไม่มีอะไรมาก แต่ๆๆๆ พอวันต่อมาเท่านั้นแหล่ะ พระเจ้าช่วยลูกด้วย ลุกไม่ขึ้นเลย ลุกไม่ขึ้นชนิดที่แบบว่าปวดเยี่ยวมากไม่ไหวแล้ว พระเจ้าลูกขอสารภาพบาปต่อสิ่งที่ลูกได้กระทำลงไปทั้งหมด เยี่ยวออกมาแบบสุดแรงเหนี่ยว555555 แล้วก็หลับต่อจมกองเยี่ยวตัวเอง พอตื่นขึ้นมาอีกที โอ้โห้ แผลโดนเยี่ยวเมื่อคืนต้องหอบสังขารอันไม่เที่ยงอันนี้ขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรใหม่ทั้งหมด ก็เลยรีบไปบอกเพื่อนๆว่า “เนี่ยๆเมื่อคืนเยี่ยวราดที่นอนลุกขึ้นมาไม่ไหว” เพื่อนตกใจหลังจากนั้นเพื่อนก็แบกที่นอน6ฟุตลงมาตากท่ีสุด แขนเราไม่สามารถขยับได้ลเลยและที่สำคัญ “ไหลเคลื่อน” เรียบร้อย รักษาตัวประมาณเดือนกว่าๆเห็นจะได้ ลำบากชิบหายสาดดดดดด